ช่องทางเพียบ “กระทิงดุ” ของผู้จัดการทีม หลุยส์ เอ็นริเก้ ผลงานยังไม่ต้องใจแฟนบอลข้างหลังทำเป็นเพียงแค่เจ๊า สวีเดน0-0 

ช่องทางเพียบ “กระทิงดุ” ของผู้จัดการทีม หลุยส์ เอ็นริเก้ ผลงานยังไม่ต้องใจแฟนบอลข้างหลังทำเป็นเพียงแค่เจ๊า สวีเดน0-0 แถมหวิดโดนหมัดน็อกหลายทีแบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน โดยมี สโลวาเกีย ที่มี 3 แต้มยึดหัวหน้าฝูงของกลุ่ม ในศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบในที่สุด กลุ่ม อี คืนวันจันทร์ก่อนหน้านี้

สนาม : เอสตาดิโอ ลา การ์ตูฆา, เซบีย่า (สเปน) ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบในที่สุดนัดหมายลำดับที่สองของ กลุ่ม อี ประจำวันจันทร์ที่ 14 เดือนมิถุนายน 2564 ที่สนาม เอสตาดิโอ ลา การ์ตูฆา เมือง เซบีย่า สเปนเป็นการเจอกันระหว่างสเปน ดวลสวีเดน

หลุยส์ เอ็นริเก้ ผู้ฝึกสอนทีมชาติสเปน พาทีมกระหน่ำลิทัวเนีย 4-0 ในเกมฝึกซ้อมปัจจุบัน เป็นการคว้าชัยนัดหมายที่ 3 ในรอบ 5 เกม ทางด้าน ยานเน่ อันเดอร์สสัน ผู้ฝึกสอนทีมชาติสวีเดน พาทีมชนะอาร์เมเนีย 3-1 ในเกมลับลำแข้งปัจจุบัน เป็นการคว้าชัย 5 นัดหมายติด

เริ่มครึ่งแรก 5 นาทีเป็น “กระทิงดุ” ขึงเกมรุกอยู่ฝ่ายเดียวได้ทักก่อนจากจังหวะเก็บตกหน้ากรอบจุดโทษของ ดานี่ โอลโม่ ซัดด้วยขวาตามน้ำแต่ว่าโดนไม่ดีบอลเหาะผ่านคานหลุดออกไปไกล

ช่องทางเพียบ 15 นาทีผ่าน สเปนคลาดโอกาสทองคำจากบอลครอสทางขวามือของ โกเก้ ตักเข้าจุดโทษโค้งมาตกใส่หัว ดานี่ โอลโม่ ทิ้งตัวกระแทกเด้งพื้นติดปลายมือ โรบิน โอลเซ่น ผวาปัดทิ้งออกมาอย่างเกินจริง บ้านผลบอลเมื่อคืน

ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบในที่สุดนัดหมายลำดับที่สองของกลุ่มอี

ช่องทางเพียบ นาทีที่23 จากจังหวะในจุดโทษฝั่งซ้ายแนวรับ สวีเดนจัดการบอลพลาดเปลี่ยนเป็นตั้งให้ โกเก้ ดีดตามน้ำด้วยขวาดวงไม่ดีติดไซค์ก้อยโค้งผ่านหน้า โรบิน โอลเซ่น หลุดออกข้างหลังน้อยมาก

7 นาทีถัดมาจากจังหวะทางด้านซ้ายของ ดานี่ โอลโม่ ปาดบอลเข้าจุดโทษผ่านแนวรับสวีเดน ทั้งยังแผงมาเข้าเท้า โกเก้ สอดมาชาร์จหน้ากรอบ 6 หลาแต่ว่าโดนไม่ดีเหินข้ามคานอย่างน่าผิดหวัง

นาทีที่35 สวีเดนได้เสียวบ้างจากบอลทางขอบเส้นฝั่งขวาของ เซบาสเตียน ลาร์สสัน ตวัดทิ้งเข้าจุดโทษบอลห้อยลึกเกือบจะทิ่มใต้คาน อูไน ซิโมน ย้ำไม่มีอันตรายปัดทิ้งออกข้างหลังจวนเจียน

แต่ว่าแล้วนาทีที่ 37 “กระทิงดุ” มาพลาดแบบน่าเกินจริงจากจังหวะทางด้านซ้ายของ จอร์ดี้ อัลบา ทิ้งเข้าจุดโทษ มาร์คุส แดเนียลสัน สกัดบอลพลาดมาเข้าทาง อัลบาโร่ โมราต้า ตามาเก็บส้มตกก่อนปั่นด้วยขวาถากเสาไกลออกไปหน่อยเดียว

นาทีที่41 สวีเดนแทบได้หมัดน็อคจากความบกพร่องของแนวรับ ประเทศสเปน ปลดปล่อยให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัค สอดมาเก็บบอลในจุดโทษก่อนดึงจังหวะซัดหักข้อไปเสาไกลติดเท้า มาร์กอส ยอเรนเต้ ตามมาบล็อคบอลพุ่งไปชนเสาเด้งเข้ามือ อูไน ซิโมน แบบสุดโชคดี

ด้านหลังครึ่งแรก “กระทิงดุ” เฉียดได้จุดลูกโทษจากจังหวะบอลไปโดนมือ เซบาสเตียน ลาร์สสัน แม้กระนั้นคนตัดสินใจแข็งยังไม่เป่าให้ ก่อนเป็น ดานี่ โอลโม่ มาส่งท้ายซัดไกลหน้ากรอบจุดโทษแต่ว่าก็ยังไม่ผ่านมือ โรบิน โอลเซ่น

หมดครึ่งเวลาแรก สเปน0 สวีเดน0 ประเดิมช่วงหลัง 5 นาทีสเปน เร่งเครื่องในทันทีได้ลุ้นก่อนจากจังหวะชุลมุนในกรอบจุดโทษบอลกระเด้งมาเข้าทาง อัลบาโร่ โมราต้า แปด้วยขวาเสียดายบดหลุดเสาแรกออกไป อย่างเดิม

นาทีที่60 สวีเดนคลาดโอกาสทองคำจากจังหวะสวนกลับ อเล็กซานเดอร์ อิซัค พาบอลเข้าจุดโทษก่อนดึงจังหวะหลอกแนวรับ สเปนอีกทั้งแผงได้โอกาสหักข้อไปเสาไกลถึง มาร์คุส เบิร์ก ชาร์จแบบไม่มีตัวประกบระยะไม่ถึง 6หลาปลิ้นเท้าผ่านคานไม่น่าเชื่อ

20 นาทีในที่สุด “กระทิงดุ” เจาะไม่เข้าพยายามเปลี่ยนแปลงมาเข้าทำมาจากจังหวะยิงไกล เฟร์ราน ตอร์เรส รวมทั้ง ดานี่ โอลโม่ สลับกันมาซัดแต่ว่าจะต้องดูแนวรับ สวีเดนที่แน่นแฟ้นช่วยเหลือกันบล็อคเอาไว้ได้หมด

ตอน 10 นาทีในที่สุด สเปนโหมหนักสลับตัวรุกลงมาเยอะจากบอลยาวทางขวามือของ ปาโบล ซาราเบีย ทิ้งเข้าจุดโทษไม่เห็นหัว เคราร์ด โมเรโน่ ลึกไปถึง โรบิน โอลเซ่น ต่อยทิ้งออกมาได้ทัน

นาทีที่90+1 “กระทิงดุ” ลุยไม่หยุดจากบอลทางขวาของ ปาโบล ซาราเบีย ลากบอลตัดเข้าในก่อนหยอดเข้าจุดโทษผ่านแนวรับ สวีเดนมาตกใส่หัว เคราร์ด โมเรโน่ กระแทกในกรอบ 6 หลาติดเท้า โรบิน โอลเซ่น ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

2 นาทีถัดมา จอร์ดี้ อัลบา ขยับหนีขึ้นมาทางด้านซ้ายก่อนตักผ่านมาเสาไกลเสียดายบอลมาตกใส่หน้าขา ปาโบล ซาราเบีย เด้งไปเข้ามือ โรบิน โอลเซ่น รับเอาไว้ไม่พลาด จากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม สเปน 0 สวีเดน0

รายชื่อนักฟุตบอลที่ลงไปในสนามตัวจริง สเปน (4-3-3) : อูไน ซิโมน – มาร์กอส ยอเรนเต้, อายเมริค ลาปอร์กต์, เปา ตอร์เรส, จอร์ดี้ อัลบา – เปดรี้, โรดรี เอร์นานเดซ (ติอาโก้ อัลกานตาร่า น.66), โกเก้ (ฟาเบียน รุยซ์ น.87) – เฟร์ราน ตอร์เรส (มิเกล โอยาร์ซาบัล น.74), อัลบาโร่ โมราต้า (ปาโบล ซาราเบีย น.66), ดานี่ โอลโม่ (เคราร์ด โมเรโน่ น.74)

ผู้ฝึกสอน : หลุยส์ เอ็นริเก้ สวีเดน (4-4-2) : โรบิน โอลเซ่น – มิคาเอล ลุสติก (เอมิล คราฟธ์ น.75), วิคเตอร์ ลินเดอลอฟ, มาร์คุส แดเนียลสัน, ลุดวิก เอากุสตินส์สัน – เซบาสเตียน ลาร์สสัน, อัลบิน เอ็คดัล,

ช่องทางเพียบ คริสตอฟเฟอร์ โอลส์สัน (เยนส์ มิเกล กายุสเต้ น.84), เอมิล ฟอร์สเบิร์ก (ปิแอร์ เบงท์สสัน น.84) – อเล็กซานเดอร์ อิซัค (วิคเตอร์ คลาสสัน น.69), มาร์คุส เบิร์ก (โรบิน ไควสัน น.69) การสลับตัว